แมนฯ ซิตี้ vs เรอัล มาดริด
ศึกชี้ชะตาสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายเริ่มต้นขึ้นเมื่อสองยักษ์ใหญ่เปิดศึกสองนัดเหย้า-เยือน
การแข่งขันรอบเพลย์ออฟน็อกเอาต์ของ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก (UEFA Champions) เป็นครั้งแรกจะเริ่มขึ้นในวันอังคารนี้ โดยไฮไลต์สำคัญคือการพบกันระหว่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (Manchester City) และ เรอัล มาดริด (Real Madrid) ซึ่งเป็นสองแชมป์ล่าสุดของรายการ โดยมีตั๋วเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายเป็นเดิมพัน ช่องทางเข้า sbobet
แมนฯ ซิตี้ จะได้เล่นในบ้านก่อนสำหรับเกมนัดแรก ซึ่งเป็นแมตช์สำคัญหลังจากทั้งสองทีมต่างมีปัญหาในรอบลีกที่ผ่านมา เรอัล มาดริด กลับมาทำผลงานได้ดีและจบอันดับ 11 จาก 5 ชัยชนะใน 8 นัด ขณะที่แมนฯ ซิตี้ ผ่านเข้ารอบมาแบบฉิวเฉียด ด้วยการจบอันดับ 22 หลังชนะเพียง 3 เกม พวกเขาทั้งคู่จึงมีอะไรให้พิสูจน์มากมายในการเจอกันแบบสองนัดนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการตกรอบเร็วกว่าที่คาด
ประเด็นสำคัญ
แมนเชสเตอร์ ซิตี้
ฤดูกาลนี้ของ แมนฯ ซิตี้ ไม่เป็นไปตามแผนเลยแม้แต่น้อย จนถึงขนาดที่ เป๊ป กวาร์ดิโอลา ยอมรับแล้วว่าทีมของเขาไม่น่าจะไปถึงตำแหน่งแชมป์ยุโรปในปีนี้ อย่างไรก็ตาม นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะไม่พยายามเปลี่ยนแปลงอะไรเลย เพราะสโมสรทุ่มเงินกว่า 200 ล้านดอลลาร์ ในตลาดซื้อขายเดือนมกราคมเพื่อเสริมทัพ และพวกเขาจะได้โชว์โฉมใหม่ในเกมวันอังคารนี้กับเรอัล มาดริด ช่องทางเข้า sbobet
แมนฯ ซิตี้ เสริมผู้เล่นใหม่หลายตำแหน่ง โดยมีไฮไลต์สำคัญคือการคว้าตัว นิโก กอนซาเลซ กองกลาง และ โอมาร์ มาร์มูช กองหน้า
กอนซาเลซ ถูกคาดหวังว่าจะช่วยแก้ปัญหาแดนกลางของซิตี้ในขณะที่ โรดรี้ ยังคงพักฟื้นจากอาการบาดเจ็บ ACL
มาร์มูช จะเข้ามาเพิ่มพลังเกมรุก หลังจาก ฮูเลียน อัลวาเรซ ย้ายออกจากทีม และ ฟิล โฟเด้น ก็ยังไม่สามารถกลับไปสู่ฟอร์มสุดยอดของฤดูกาลที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม การปรับทีมใหม่ของกวาร์ดิโอลายังไม่มีเวลามากพอที่จะลงเล่นร่วมกันมากนัก ดังนั้นเกมนี้จะเป็นบททดสอบสำคัญสำหรับซิตี้ในการเดินหน้าต่อไปในฤดูกาลนี้
เรอัล มาดริด
สถานการณ์ของ เรอัล มาดริด ยังดีกว่าแมนฯ ซิตี้ แต่ก็ไม่ได้ราบรื่นนัก เนื่องจากพวกเขากำลังเผชิญกับวิกฤตอาการบาดเจ็บมาตลอดทั้งฤดูกาล และตอนนี้พวกเขาต้องขาดเซ็นเตอร์แบ็กตัวหลักทั้ง อันโตนิโอ รือดิเกอร์ และ เอแดร์ มิลิเตา สำหรับเกมสำคัญนี้
คาร์โล อันเชล็อตติ มีแนวโน้มจะใช้งาน ออเรเลียง ชูอาเมนี่ ซึ่งปกติเล่นเป็นกองกลาง มาเล่นเป็นเซ็นเตอร์แบ็กคู่กับ ราอูล อเซนซิโอ กองหลังดาวรุ่งวัย 21 ปี ที่เพิ่งลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่ไปเพียง 21 นัด ซึ่งทั้งคู่เพิ่งจับคู่กันในเกมที่เสมอ แอตเลติโก มาดริด 1-1 เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ความหวังของมาดริดยังคงอยู่ที่แนวรุกระดับโลกของพวกเขา นำโดย คีลิยัน เอ็มบัปเป้, วินิซิอุส จูเนียร์, โรดรีโก้ และ จู๊ด เบลลิงแฮม
ทั้งสี่คนทำประตูรวมกันเกิน 10 ลูกในทุกรายการฤดูกาลนี้
เอ็มบัปเป้ นำเป็นดาวซัลโวของทีมที่ 23 ประตู ในฤดูกาลแรกของเขากับสโมสร
อย่างไรก็ตาม มาดริดยังมีปัญหาในแนวรุก พวกเขามักจะใช้โอกาสเปลือง โดยในเกมเสมอแอตฯ มาดริดเมื่อวันเสาร์ ทีมมีโอกาสยิงถึง 23 ครั้ง แต่สร้างค่า xG (Expected Goals) ได้เพียง 1.72 ดังนั้นคำถามสำคัญสำหรับเกมวันอังคารนี้คือ แนวรุกของมาดริดจะสามารถเปลี่ยนโอกาสเป็นประตูได้มากพอหรือไม่?
คาดการณ์ 11 ตัวจริง
แมนเชสเตอร์ ซิตี้:
ออร์เตก้า – นูเนส, อาคานจี, สโตนส์, กวาร์ดิโอล – ซิลวา, กอนซาเลซ, โฟเด้น – มาร์มูช, ซาวินโญ่, ฮาแลนด์
เรอัล มาดริด:
กูร์กตัวส์ – บาซเกซ, ชูอาเมนี่, อเซนซิโอ, การ์เซีย – บัลเบร์เด้, เซบายอส – โรดรีโก้, เบลลิงแฮม, วินิซิอุส – เอ็มบัปเป้
ทำนายผลการแข่งขัน
จากฟอร์มที่ไม่แน่นอนของทั้งสองทีม เกมนี้อาจออกได้หลายหน้า แมนฯ ซิตี้ อาจได้รับแรงกระตุ้นจากแข้งใหม่ที่เข้ามาเสริมทัพ แต่การหา "จุดได้เปรียบ" เหนือมาดริดในเกมแรกอาจเป็นเรื่องยาก ดังนั้น โอกาสจบลงด้วยผลเสมอมีสูง
สกอร์ที่คาด: แมนฯ ซิตี้ 1-1 เรอัล มาดริด